หน้าแรก / ประกาศ / กฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๖๔ (พ.ศ. ๒๕๖๓) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการนำส่งเงินภาษี
กฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๖๔ (พ.ศ. ๒๕๖๓) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการนำส่งเงินภาษี

24-07-2020 |  10047

กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๓๖๔ (พ.ศ. ๒๕๖๓)
ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการนำส่งเงินภาษี
อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๓ ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม
โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ และมาตรา ๔
แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๐)
พ.ศ. ๒๕๑๓ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ในกฎกระทรวงนี้
“ธนาคาร” หมายความว่า ธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน
และสถาบันการเงินของรัฐที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น
ข้อ ๒ ผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษีตามประมวลรัษฎากรอาจเลือกวิธีการนำส่งเงินภาษี
ต่อกรมสรรพากรผ่านธนาคาร ตามมาตรา ๓ ปัณรส ได้ตามกฎกระทรวงนี้
ธนาคารที่ประสงค์จะรับเงินภาษีจากผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษีแทนกรมสรรพากรตามวรรคหนึ่ง
ต้องยื่นคาขอต่ออธิบดีตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
ข้อ ๓ ให้ผู้มีหน้าที่นำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา ๕๒ ภาษีเงินได้ตามมาตรา ๗๐
และมาตรา ๗๐ ทวิ และภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๓/๕ และมาตรา ๘๓/๖ นำส่งเงินภาษี
ผ่านธนาคาร พร้อมกับการจ่ายเงินได้พึงประเมิน หรือการจาหน่ายเงินกำไรหรือเงินประเภทอื่นใด
ที่กันไว้จากกำไรหรือที่ถือได้ว่าเป็นเงินกำไร หรือการจ่ายเงินค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการให้แก่
ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรก็ได้
ข้อ ๔ ให้ผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษีตามข้อ ๓ แจ้งรายการที่เกี่ยวข้องต่อธนาคารตามที่อธิบดี
ประกาศกำหนด โดยต้องมีรายการอย่างน้อย ดังต่อไปนี้
(๑) เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้มีหน้าที่นำส่งภาษี
(๒) ชื่อหรือเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้รับเงิน
หน้า ๑
เล่ม ๑๓๗ ตอนที่ ๔๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๓
(๓) ในกรณีภาษีเงินได้ ให้ระบุประเภทของเงินได้พึงประเมินและจานวนเงินได้ที่ผู้มีหน้าที่
นำส่งเงินภาษีได้นำส่ง และจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ถ้ามี)
(๔) ในกรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ระบุมูลค่าทั้งหมดที่ผู้ประกอบการได้รับหรือพึงได้รับจาก
การขายสินค้าหรือการให้บริการ
(๕) จำนวนภาษีที่หักหรือนำส่ง
ข้อ ๕ เมื่อธนาคารได้รับเงินภาษีจากผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษีตามข้อ ๓ แล้ว ให้ธนาคาร
ออกหลักฐานเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแสดงการรับชาระเงินภาษีดังกล่าวให้แก่ผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษี
และผู้รับเงินหรือผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย
การออกหลักฐานเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแสดงการรับเงินภาษีตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไป
ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
ข้อ ๖ ให้ธนาคารนำส่งเงินภาษีตามข้อ ๓ และรายการตามข้อ ๔ ต่อกรมสรรพากร
ภายในระยะเวลาที่ได้ทาความตกลงกับกรมสรรพากรแต่ไม่เกินสี่วันทาการนับถัดจากวันที่ธนาคาร
ได้รับเงินภาษีและรายการ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
ข้อ ๗ เมื่อธนาคารได้นำส่งเงินภาษีให้กรมสรรพากรแล้ว ให้กรมสรรพากรออก
ใบเสร็จรับเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ผู้มีหน้าที่นำส่งเงินภาษี และให้ถือว่าการเสียภาษีอากร
เป็นการสมบูรณ์เมื่อได้รับใบเสร็จรับเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓
อุตตม สาวนายน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
หน้า ๒
เล่ม ๑๓๗ ตอนที่ ๔๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๓
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๓ ปัณรส แห่งประมวล
รัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๘) พ.ศ. ๒๕๖๒
กำหนดให้ผู้มีหน้าที่นำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายตามมาตรา ๕๒ แห่งประมวลรัษฎากร ภาษีเงินได้
ตามมาตรา ๗๐ และมาตรา ๗๐ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร และภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๓/๕ และ
มาตรา ๘๓/๖ แห่งประมวลรัษฎากร อาจเลือกวิธีการนำส่งเงินภาษีดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข
และระยะเวลาที่กำหนดในกฎกระทรวงแทนวิธีการนำส่งตามที่บัญญัติในมาตราที่เกี่ยวข้องก็ได้ จึงจำเป็นต้อง
ออกกฎกระทรวงนี้

>>คลิกที่นี่่เพื่อศึกษากฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๖๔ (พ.ศ. ๒๕๖๓) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการนำส่งเงินภาษี<<